5 สิ่งที่ควรทำเพื่อเตรียมพอร์ตของคุณให้พร้อมรับมือทุกวิกฤติ

นี่คือสิ่งที่นักลงทุนทุกคนควรทำ เมื่อรู้สึกว่าราคาหุ้นในตลาดเริ่มแพงเกินกว่าที่ควรจะเป็น

Wall Street charging bull

Predicting rain doesn’t count; building arks does
– Warren Buffett

คำกล่าวนี้ของคุณปู่ แปลง่ายๆว่า “การทำนายว่าฝนจะตกเมื่อไหร่ ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น แต่การสร้างเรือต่างหากที่ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นได้”

โดยเป็นการกล่าวอ้างอิงถึงเรื่องน้ำท่วมโลกในสมัยของโนอาร์ ซึ่งโนอาร์เองก็ไม่ทราบว่าฝนจะตกหรือน้ำจะท่วมเมื่อไหร่แน่ชัด แต่รู้ว่าน่าจะเกิดขึ้นแน่ๆ ดังนั้นจึงเริ่มสร้างเรือเพื่อเตรียมพร้อม เมื่อฝนตกน้ำท่วมจริง โนอาร์และครอบครัวจึงปลอดภัย

ซึ่งคุณปู่ก็ได้นำเรื่องนี้มาเปรียบเทียบกับการลงทุนเป็นนัยๆครับว่า การพยายามไปคาดเดาว่าตลาดจะตกเมื่อไหร่ จะตกไปถึงเท่าไหร่ หรือ ราคาน้ำมันจะร่วงไปแค่ไหน หรือ เศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไรนั้นในปีหน้านั้น ไม่ค่อยได้ช่วยให้เราลงทุนได้ดีขึ้นเท่าไหร่ เพราะเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ได้ถูกต้องแม่นยำ

เพียงแต่สิ่งที่เรารู้แน่ชัดก็คือ ตลาดหุ้น นั้น มีวัฏจักรของตัวเอง ถ้าตลาดขึ้นมาสูงเกินกว่ามูลค่าที่แท้จริงมากเกินไป วันนึงก็จะต้องตกลงมาเอง

ดังนั้นสิ่งที่สำคัญไม่ใช่การพยายามคาดเดาว่าตลาดจะตกเมื่อไหร่ จะตกไปต่ำสุดแค่ไหน แต่คือ การเตรียมตัวให้พร้อมในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง ว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์ร้ายๆขึ้นมา เราจะมีกลยุทธ์อะไร จะทำอะไรบ้าง

เมื่อเรามีสติและเตรียมพร้อมไว้แล้ว เราก็จะสามารถตัดสินใจทุกอย่างได้อย่างมีเหตุมีผลในวันร้ายๆ ไม่ถูกนายตลาดชักจูง และสามารถหาโอกาสจากนายตลาดได้นั่นเองครับ

ซึ่งสิ่งที่นักลงทุนควรจะทำเมื่อรู้สึกว่าตลาดแพงเกินกว่าความเป็นจริงมากเกินไปแล้วก็คือ

  1. ลดการใช้ margin ลงทุน
  2. ปรับพอร์ตหุ้นให้แข็งแกร่ง โดยพยามถือครองเฉพาะหุ้นในบริษัทที่เราคาดการณ์ได้อย่างมั่นใจว่า รายได้และกำไร จะไม่น้อยลงในอีก 3-5 ปีข้างหน้า และ บริษัทเหล่านั้นควรจะมีกระแสเงินสดดี มีหนี้สินน้อยๆ (และถ้ามีจ่ายปันผลได้ทุกปี ก็จะยิ่งดี)
  3. ขายหุ้นของบริษัทที่ความแข็งแกร่งของกิจการน้อย หรือ หุ้นของบริษัทที่มีราคาแพงกว่ามูลค่าที่แท้จริงมากๆ ออกไป
  4. ถ้าขายหุ้นไปแล้ว ไม่เหลือหุ้นที่ดีในราคาที่เหมาะสม ให้ซื้อเลย ก็อาจจะถือครองเงินสดไว้ได้ แต่ถ้าหากมีหุ้นที่น่าลงทุนตามที่บอกไว้ในข้อ 2 ก็อาจจะนำไปลงทุนต่อได้ เพราะบริษัทดีๆเหล่านั้น เราสามารถถือลงทุนผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายไปแล้ว และเมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป ราคาของหุ้นเหล่านี้ก็จะกลับมาสูงขึ้นกว่าเดิมเอง
  5. ศึกษาหาข้อมูลหุ้นต่างๆให้ดี และเตรียมรายชื่อหุ้นของบริษัทดีๆที่เราต้องการเป็นเจ้าของชั่วชีวิตเอาไว้ ถ้าเกิดว่าราคาลงมาต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสม เราก็จะได้สามารถลงทุนได้ทันทีครับ

ถ้าจะสรุปง่ายๆก็คือ พยายามถือแต่หุ้นที่เราจะถือได้อย่างสบายใจ แม้ว่าตลาดจะปิดทำการไปอีก 5 ปีข้างหน้าครับ และเตรียมเงินสดส่วนนึงให้พร้อม เพื่อที่จะหาโอกาสการลงทุนที่ดี แค่นี้เราก็จะมีความสุขแล้วครับ

ส่วนใครที่อยากลองตรวจสอบความแข็งแกร่งของพอร์ตตนเอง ก็สามารถใช้ Jitta Portfolio เพื่อดู Jitta Score, Jitta Line ของพอร์ต รวมทั้งค่า Asset Allocations ในด้านต่างๆได้เลยนะครับ ผมคิดว่าน่าจะช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของพอร์ตเราชัดเจนขึ้นมาก จะได้เตรียมกลยุทธ์ในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆได้ดีขึ้นครับ

Author: Jitta

Jitta simplifies financial analysis for value investors and financial advisors alike. Our stock-analysis platform offers actionable advice to help them make better investment decisions and generate higher returns based on a simple principle: “Buy a wonderful company at a fair price.” And we do that by creating Jitta Ranking, our proprietary algorithm that ranks stocks based on their profit potential. Returns generated by Jitta Ranking since 2009 has outpaced that produced by the S&P500 index by a large margin. Jitta’s technology processes information like a human mind, assessing complicated data and digesting it into an easy-to-use and intuitive format. Its key features include Jitta Score, an indicator of a wonderful company; Jitta Line, an indicator of a company's fair price; financial statements-made-simple Jitta FactSheet; Jitta Playlist, an intelligent screener and backtest system in one; and Jitta Portfolio, a smarter investment-tracking mechanism.

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.